รีวิวหนัง Maleficent: Mistress of Evil (2019) มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ หัวใจของวายร้ายที่ฉาวโฉ่ที่สุดของดิสนีย์
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง
ประเภทของภาพยนตร์ : แฟนตาซี / ผจญภัย / ดราม่า / ครอบครัว /โรแมนติก
กำหนดฉายในประเทศไทย : 16 ตุลาคม 2019
ผู้กำกับ : โยอาคิม รอนนิ่ง
นักแสดงนำโดย : แองเจลิน่า โจลี่ , เอลล์ แฟนนิ่ง , ชิเวเทล เอจิโอฟอร์ , แซม ไรลีย์ , แฮร์ริส ดิกกินสัน
เรื่องย่อ :
เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงห้าปี นับตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์สเตฟาน ออโรร่าได้ครองราชย์อย่างเมตตากรุณา ในฐานะราชินีแห่งมัวร์ เคียงข้างกับมาเลฟิเซนต์ในฐานะ ผู้พิทักษ์และผู้ปกป้องที่ทรงพลัง แม้จะรับใช้ แต่อาณาจักรอัลสเตดที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นบ้านของเจ้าชายฟิลิปยังคงมองว่า มาเลฟิเซนต์เป็นวายร้ายอันตรายเดียวัล นกกาและที่ปรึกษาของมาเลฟิเซนต์ ได้ยินออโรร่ายอมรับข้อเสนอการแต่งงานของฟิลิป เมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับมาเลฟิเซนต์ เธอแนะนำไม่ให้แต่งงาน แม้ว่าออโรร่าจะสาบานว่าจะพิสูจน์ว่าเธอคิดผิด ดูหนังฝรั่ง
พ่อแม่ของฟิลิปกษัตริย์จอห์นและราชินีอิงกริธ จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบส่วนตัว เพื่อฉลองการหมั้นหมาย มาเลฟิเซนต์ยังคงสงบสติอารมณ์หลังจากที่อิงกริธเอ่ยถึง คำสาปหลับของออโรร่าและการตายของสเตฟานอย่างเยาะเย้ย เธออ้างอย่างเปิดเผยว่ามาเลฟิเซนต์ฆ่านางฟ้าพรานล่าสัตว์สองคน ซึ่งพบเห็นครั้งสุดท้ายใกล้กับมัวร์
เมื่ออิงกริธเพิกเฉยต่อความสัมพันธ์ระหว่างมาเลฟิเซนต์ กับออโรร่าในฐานะแม่ มาเลฟิเซนต์ ก็ตอบสนองด้วยความโกรธ และดูเหมือนจะสาปแช่งจอห์น ซึ่งจู่ ๆ ก็หลับใหลไปอย่างสนิท มาเลฟิเซนต์บอกว่าเธอไม่ได้สาปแช่งเขา แม้ว่าออโรร่าจะไม่เชื่อเธอก็ตาม
ฟิลิปเร่งเร้าให้แม่ของเขา พยายามปลุกกษัตริย์ด้วยการจูบ อิงกริธขัดขืน และความพยายามอันอ่อนแอของเธอล้มเหลว เพราะเธอไม่ได้รักจอห์น ขณะที่มาเลฟิเซนต์หนีออกจากปราสาท เกอร์ดา คนรับใช้ของอิงกริธก็ยิงมาเลฟิเซนต์ด้วยกระสุนเหล็ก
มาเลฟิเซนต์ ได้รับบาดเจ็บและตกลงไปในทะเล และได้รับการช่วยเหลือจากสิ่งมีชีวิตลึกลับที่มีปีก เธอตื่นขึ้นมาในถ้ำที่เหล่านางฟ้าเช่นเธอเคยซ่อนตัวอยู่ ในบรรดาพวกเขาคือคอนัล ผู้นำที่รักสันติซึ่งช่วยมาเลฟิเซนต์ไว้ และบอร์รา นางฟ้าที่ชอบสงคราม ซึ่งชอบเปิดศึกกับมนุษย์และฆ่าพวกล่าสัตว์ใกล้มัวร์
มาเลฟิเซนต์เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิต สุดท้ายที่รู้จักกันในชื่อแฟรี่ดำ แฟรี่ทรงพลังที่ถูกบังคับให้ซ่อนตัว และเกือบสูญพันธุ์จากการกดขี่ของมนุษย์ เธอยังเป็นลูกหลานคนสุดท้ายของฟีนิกซ์ บรรพบุรุษของแฟรี่ดำที่เก่าแก่และทรงพลัง เนื่องจากเวทมนตร์ของมาเลฟิเซนต์นั้น ทรงพลังมาก คอนัลและบอร์ราจึงเชื่อว่า เธอเป็นเครื่องมือสำคัญในการยุติความขัดแย้งกับมนุษย์ ไม่ว่าจะด้วยสันติภาพหรือสงคราม
ในขณะเดียวกัน ออโรร่าเริ่มผิดหวังกับการเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์แห่งอัลสเตด แต่ก็มีความสุขที่ชาวมัวร์ได้รับเชิญไปงานแต่งงานของราชวงศ์ ออโรร่าค้นพบว่าอิงกริธเกลียดชาวมัวร์ทุกคน เธอรู้สึกขุ่นเคืองอย่างขมขื่นต่อความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขาในช่วงเวลาที่อาณาจักรของเธอต้องประสบกับความหายนะ และกล่าวโทษพวกเขาว่าเป็นเหตุให้พี่ชายของเธอต้องเสียชีวิต
อิงกริธวางแผนลับ ๆ ที่จะกำจัดนางฟ้าและสิ่งมีชีวิตในป่าทั้งหมดโดยใช้อาวุธเหล็กและผงสีแดงเข้มอันร้ายแรงที่พัฒนาโดยลิคสปิทเทิล พิกซี่ไร้ปีก ออโรร่ายังรู้ด้วยว่าอิงกริธเป็นคนสาปแช่งจอห์นโดยใช้กระสวยคำสาปของมาเลฟิเซนต์ อิงกริธรู้เรื่องนี้และสั่งให้ออโรร่าขังพวกเขาไว้ เมื่อชาวมัวร์มาถึง
พวกเขาติดอยู่ในโบสถ์ของปราสาท ตามคำสั่งของอิงกริธ เกอร์ดาปลดปล่อยผงสีแดงเข้มอันร้ายแรงโดยเล่นออร์แกนในโบสถ์ นางฟ้าฟลิตเติ้ลเสียสละตนเองอย่างไม่เห็นแก่ตัว เพื่อช่วยทุกคนเป็นทางเลือกสุดท้ายโดยการอุดตันออร์แกน ทำให้เล่นออร์แกนไม่ได้ ขณะเดียวกัน นางฟ้าน็อตกราสและทิสเติลวิตทำให้เกอร์ดาตกลงมาเสียชีวิต
ดาร์กแฟ่เปิดฉากโจมตีอัลสเตด แต่ทหารเริ่มสังหารพวกเขาจนมาเลฟิเซนต์ซึ่งใช้พลังของฟินิกซ์เข้าร่วมการต่อสู้ เธอเกือบฆ่าราชินีอิงกริธ แต่ออโรร่าอ้อนวอนต่อความเป็นมนุษย์ของมาเลฟิเซนต์เพื่อช่วยชีวิตเธอ และประกาศว่ามาเลฟิเซนต์เท่านั้นที่เป็นแม่ของเธอ เมื่อมาเลฟิเซนต์เสียสมาธิ ราชินีจึงยิงหน้าไม้ของเธอ มาเลฟิเซนต์ช่วยออโรร่าไว้
แต่กลับถูกลูกศรแทงจนสลายเป็นเถ้าถ่าน ออโรร่าเสียใจและคร่ำครวญถึงการตายของมาเลฟิเซนต์ อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำตาของออโรร่าร่วงลงบนเถ้าถ่าน มาเลฟิเซนต์ก็กลับมาเกิดใหม่เป็นฟินิกซ์ อิงกริธตกใจกลัวและโยนออโรร่าลงจากหอคอย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมาเลฟิเซนต์และวิ่งหนีไป มาเลฟิเซนต์ช่วยเธอไว้ อิงกริธถูกบอร์ราและดาร์กแฟ่คนอื่น ๆ หยุดไว้ขณะที่เธอพยายามหลบหนี
ฟิลิปสร้างสันติภาพ ระหว่างนางฟ้ากับมนุษย์ และทหารของอัลสเตดก็ยอมแพ้ มาเลฟิเซนต์กลับคืนสู่ร่างนางฟ้าและมอบพรแก่ออโรร่าและฟิลิป เมื่อได้รับพรจากลิคสปิทเทิล มาเลฟิเซนต์ก็ทำลายแกนหมุนและคำสาปของมัน ทำให้จอห์นตื่นจากการหลับใหล เพื่อลงโทษความผิดของเธอ อิงกริธจึงถูกมาเลฟิเซนต์แปลงร่างเป็นแพะ จนกว่าเธอจะยอมรับสันติภาพระหว่างสองชนชาติได้
หลังจากที่ออโรร่าและฟิลิปแต่งงานกันแล้ว มาเลฟิเซนต์ก็กลับไปยังมัวร์พร้อมกับแฟรี่ดำอีกตัวหนึ่ง เธอสัญญาว่าจะกลับมาเพื่อร่วมพิธีรับบัพติศมาของออโรร่าและฟิลิปในอนาคต
ความรู้สึกหลังจากชมภาพยนตร์ :
เมื่อดูหนังเรื่องนี้จบไปแล้วนั้น เรื่อง รีวิวหนัง Maleficent: Mistress of Evil (2019) มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ สำหรับเรื่องนี้ นักแสดงแองเจลินา โจลีคือหนึ่งในดาราสาวคนสุดท้ายในวงการภาพยนตร์ แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าฮอลลีวูดจะไม่สามารถสร้างสรรค์โปรเจ็กต์ที่แสดงให้เห็นถึงเหตุผลดังกล่าวได้มากนัก ผลงานของเธอในบทมาเลฟิเซนต์ ราชินีตัวร้ายจากภาพยนตร์เรื่อง "เจ้าหญิงนิทรา" ของดิสนีย์ เป็นการเตือนใจว่าเธอสามารถสร้างความตื่นเต้นและความสนุกสนานได้ขนาดไหน
โจลีได้แสดงบทบาทนี้ครั้งแรกในปี 2014 ในภาพยนตร์เรื่อง “Maleficent” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ดราม่าแฟนตาซีแบบคนแสดง ที่นำเรื่องราวมาเล่าใหม่จากมุมมองของตัวละคร โดยในท้ายที่สุดแล้ว โจลีก็แสดงเป็นตัวละครที่เอาแต่ใจตัวเอง และคอยสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในดินแดน มากกว่าจะเป็นตัวร้ายที่ดำรงอยู่ เพื่อทำสิ่งที่เลวร้ายและพ่ายแพ้ โหนกแก้มเทียมที่คมกริบ เขาที่สง่างาม และปีกที่นุ่มดุจกำมะหยี่ของเธอ ดูเหมือนจะมาจากบทบาทที่โจลีเคยเล่นก่อนที่เธอจะเปลี่ยนไปมีบทบาทที่อ่อนแอหรือศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น ในช่วงกลางทศวรรษที่ 2000 2umv.com
ภาคต่อของเรื่อง "Maleficent: Mistress of Evil" ดูเหมือนจะเป็นส่วนเสริมที่สมบูรณ์แบบสำหรับภาพยนตร์เรื่องแรก เพราะสร้างขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างโจลีและดาราดังอีกคนในยุค 80 และ 90 อย่างมิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์แต่ด้วยการสร้างความขัดแย้งที่อาจจะฉุ่มฉ่ำนี้ขึ้นมา และรายละเอียดฉากที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นจุดสนใจในขณะที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างมาเลฟิเซนต์กับออโรร่า ลูกบุญธรรมของเธอให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ กลับล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ ออกไป ผลลัพธ์ที่ได้คือความผิดหวังที่หนักหน่วงกว่าภาพยนตร์ที่แย่โดยสิ้นเชิงเสียอีก แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องบางประการ แต่ภาพยนตร์เรื่องแรกก็มีช่วงเวลาแห่งพลังดั้งเดิม และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงสิ่งที่ขับเคลื่อนผู้คน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ขาดหายไปส่วนใหญ่ในเรื่องนี้
หนังเรื่องนี้เป็นการนำมนุษย์มาต่อสู้กับนางฟ้า ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการพูดจาเหยียดเชื้อชาติที่แพร่หลายในโลกของเรา ดังนั้น Mistress Of Evil จึงพยายามโน้มน้าวผู้ชมให้เข้าข้างมาเลฟิเซนต์มากกว่ามนุษยชาติ ความชั่วร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการเมืองที่ถอยหลังถือเป็นหลักประกันในเชิงเนื้อหา และมาเลฟิเซนต์ ก็สอนให้ยอมรับและละทิ้งการแบ่งแยกในอดีต แต่ถึงแม้ว่าประเด็นเหล่านี้จะมีเจตนาดี แต่ก็ดูเป็นพิธีการ เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างคาดเดาได้และเต็มไปด้วยการแสดง
#ดูหนังฝรั่ง #Maleficent:MistressofEvil #มาเลฟิเซนต์:นางพญาปีศาจ
กลับด้านบน